ทำไมฉีดโบท็อกซ์ไม่ได้ผล พร้อมวิธีแก้
ทำไมไปฉีดโบท็อกซ์มาแล้วไม่ได้ผล พร้อมวิธีแก้ไข
สาเหตุที่ทำให้ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่ลดหรือไม่ได้ผล
1.ฉีดผิดตำแหน่ง แพทย์ที่ฉีดขาดความเชี่ยวชาญ
ฉีดโบท็อกซ์ไม่โดนในตำแหน่งกล้ามเนื้อที่ต้องการแก้ปัญหา ทำให้ฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วไม่เห็นผล
2.ฉีดปริมาณโบท็อกซ์น้อยเกินไป ฉีดปริมาณมากเกินไปหรือบ่อยเกินไป
การใช้ปริมาณยูนิตที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อไม่ตอบสนองต่อตัวยา และไม่สามารถบล็อกการทำงานของกล้ามเนื้อได้อย่างเต็มที่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ปริมาณยาที่ต้องใช้จากแพทย์ การเว้นระยะการฉีดโบท็อกซ์เป็นเรื่องสำคัญหากฉีดถี่มากเกินไป หรือปริมาณยูนิตมากเกินความจำเป็น ทำให้ส่งผลให้เกิดอาการดื้อยาได้เช่นการ ทั้งนี้ควรเว้นระยะเวลาการฉีดโบท็อกซ์แต่ละครั้งอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ระยะเวลาที่ดีที่สุดคือ 5-6 เดือน
3.โบท็อกซ์ไม่ได้มาตรฐาน
นอกจากต้องคอยระวังโบท็อกซ์ปลอม ที่ทำการลอกเลียนแบบเหมือนโบท็อกซ์ของแท้ตั้งแต่ขวดยันรหัสแล้ว
วิธีการขนส่งและเก็บรักษาตัวยาที่ถูกต้อง ส่งผลต่อคุณภาพของโบท็อกซ์ไม่ต่างกัน ตามหลักของการเก็บรักษาตัวยาควรอยู่ในอุณหภูมิ -4 °C ฉะนั้นโบท็อกซ์ที่นำเข้าโดยวิธีหิ้ว โหลดเก็บใต้ท้องเครื่องมา ที่มีนำออกมาขายในราคาถูกตามอินเทอร์เน็ต หากเป็นของแท้คุณภาพของตัวยาก็จะเสื่อมลงเพราะวิธีขนส่งที่ไม่ได้มาตรฐาน พบได้ตามคลินิกเถื่อน หมอกระเป๋าหรือตามสื่ออินเทอร์เน็ตที่มีการขายเพื่อสามารถซื้อและนำไปฉีดเอง สิ่งที่ควรระวังอีกอย่างคือ สถานที่หรือวิธีการฉีดตัวยาที่สะอาดและถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ แม้ตัวโบท็อกซ์แท้มีคุณภาพจะไม่อันตรายและไม่มีสารตกค้างต่อร่างกาย แต่ถ้าหากทำการฉีดโดยวิธีไม่ถูกต้องหรืออุปกรณ์เครื่องมือไม่สะอาดก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่ได้รับการฉีดได้เช่นกัน
4.ดื้อโบท็อกซ์
จะเกิดหลังฉีดโบท็อกซ์ (ยี่ห้อเดิม) ตั้งแต่ครั้งที่ 2 ขึ้นไป ซึ่งแปลว่าฉีดโบท็อกซ์ครั้งแรกไปก็ยังเห็นผลดีอยู่ เพราะในครั้งแรกที่ฉีดนั้นร่างกายจะเริ่มสร้าง Antibody (ภูมิคุ้มกัน) ขึ้นมาจดจำสิ่งแปลกปลอมอย่างโบท็อกซ์ ไว้ จนเมื่อเรากลับมาฉีดโบท็อกซ์ (ยี่ห้อเดิม) ซ้ำในครั้งต่อไป Antibody ที่ถูกสร้างไว้ก็จะเข้าไปทำลายโบท็อกซ์ในทันที ซึ่งกรณีดื้อโบท็อกซ์แบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก
5.ถ้ามั่นใจว่าฉีดโบท็อกซ์ของแท้จริงๆ แต่เกิดอาการดื้อยา
– ควรเปลี่ยนยี่ห้อ เพราะโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อจะมีการกระจายของตัวยาที่ต่างกัน เนื่องจากกระบวนการผลิตของแต่ละบริษัทที่ทำให้ความบริสุทธิ์และความเสถียรของยาแตกต่างกัน ความเข้มข้นที่เหมาะสมของตัวยาแต่ละตัว ซึ่งมีผลต่อการตอบสนองต่อตัวยาในคนไข้ด้วย
– เปลี่ยน Type อย่างที่บอกว่าหลังฉีดครั้งแรกไปแล้ว ร่างกายจะสร้าง Antibody (ภูมิคุ้มกัน) ขึ้นมาจดจำ หากเราดื้อ Type A แล้ว ก็ควรเปลี่ยนไปฉีด Type B แทน (ซึ่งโบท็อกซ์ที่ใช้กันทั่วไปในบ้านเรายังมีแต่ Type A) แต่อย่างที่ได้แจ้งไปข้างต้นโอกาสการดื้อโบท็อกซ์นั้นพบได้น้อยมาก
อ้างอิงข้อมูลจาก – skindeal.me