fbpx skip to Main Content
โรคตาแห้ง

ตาแห้งไม่ใช่เรื่องเล็ก

การใช้สายตามากเกินไปจนเกิดอาการตาแห้ง ส่งผลเสียกับดวงตา

อาการตาแห้งจากการสวมคอนแทคเลนส์ จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ทำงานมากเกิน หรือจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ดูทีวีใกล้เกิน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการโรคตาแห้ง

ผลเสียของโรคตาแห้ง

การที่ดวงตาของเราแห้งจะทำให้ประสิทธิภาพในการมองสิ่งต่าง ๆ ลดลง จะมีอาการแสบตา สู้แสงต่าง ไม่ค่อยได้  เจอลมพัดผ่านก็จะแสบหรือไม่สบายตา เวลาอยู่ในห้องที่เปิดพัดลมหรือแอร์นาน ๆ แล้วตาจะแดง เคืองตา แสบตาเวลขับรถ หรือสำหรับผู้ที่ใส่คอนเทคเลนส์ถ้ามีอาการระคายเคืองตา ปล่อยไว้นานอาจมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย

สำรวจสาเหตุของอาการตาแห้ง

ตาแห้งเป็นอาการที่มีความผิดปกติของน้ำตา โดยปกติดวงตาของคนเราจะมีปริมาณน้ำตาเพียงพอที่จะมาหล่อเลี้ยงหรือให้ความชุ่มชื้นกับดวงตา รวมถึงฉาบกระจกตา ทำให้การมองเห็นชัดเจน

ส่วนอาการตาแห้งเกิดจากการมีปริมาณน้ำตาน้อย หรือคุณภาพของน้ำตาไม่ดีพอ ซึ่งน้ำตาที่ดีมีส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ ไขมัน น้ำใส และเมือก หากส่วนประกอบ 1 ใน 3 ของน้ำตาขาดความสมดุลหรือไม่มีคุณภาพ จะทำให้ตาแห้งได้

อาการนี้เป็นได้ทุกเพศ แต่มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และจะพบมากขึ้นตามวัย โดยเฉพาะในผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน เป็นผลมาจากระดับฮอร์โมนที่ลดลง ทำให้สารคัดหลั่งต่างๆ ในร่างกายรวมทั้งน้ำตาก็ลดปริมาณลงไปด้วย นอกจากนี้ อาการดังกล่าวยังเกิดได้จากอีกหลายสาเหตุ

เทคนิคเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา

  • กระพริบตาถี่ๆ ในภาวะปกติคนเราจะกระพริบตานาทีละ 20 – 22 ครั้ง ทุกครั้งที่กระพริบตา เปลือกตาจะรีดน้ำตาให้มาฉาบผิวกระจกตา แต่ถ้าในขณะที่จ้องหรือเพ่งตาค้างไว้นานกว่าปกติ เช่น เวลา ที่เราอ่านหนังสือ ดูทีวีหรือจ้องคอมพิวเตอร์ จะทำให้เรากระพริบตาเพียง 8 – 10 ครั้ง น้ำตาก็จะระเหยออกไปมาก ทำให้ตาแห้งเพิ่มขึ้น จึงควรพักสายตาระยะสั้นๆ โดยการหลับตา หรือกระพริบตา
    อย่างช้าๆ หรือลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถประมาณ 2 – 3 นาที ในทุกครึ่งชั่วโมง
  • ประคบดวงตาด้วยน้ำเย็น แช่ผ้าขนหนูผืนเล็ก 2 ผืนในน้ำเย็น หยิบขึ้นมา 1 ผืน บิดพอหมาดและพับทบเป็นผืนยาว วางปิดดวงตาไว้ทั้งสองข้างนานประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าผ้าจะหายเย็น แล้วจึงใช้ผ้าอีกผืนหนึ่งประคบ สลับกันไปมา จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาของคุณได้เช่นกัน

กินอาหารลดอาการตาแห้ง

  • กล้วย กินกล้วยทุกวัน เพราะกล้วยมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งจะทำงานร่วมกับโซเดียมเพื่อรักษาภาวะสมดุลน้ำในร่างกาย และช่วยให้ดวงตาของคุณชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  • ถั่วประเภทนัท (Nut) ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะวอลนัต ควรรับประทานวันละประมาณ 1 กำมือ เพราะถั่วประเภทนี้มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวหรือกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง ซึ่งสารอาหารเหล่านี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในน้ำตา
  • ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่าหรือปลาแซลมอน เพราะมีกรดไขมันที่จำเป็นหรือโอเมก้า-3 ด้วย หรือถ้าเป็นสเต็มเซลล์จากรังไข่ปลาแซลมอน จะดีมากเพราะมีอนุภาคที่เล็กและซึมลึกได้ดี เข้าบำรุงเส้นเลือดเล็กๆ และสายตาได้อย่างรวดเร็ว
  • น้ำมันปอ (Flexseed oil) หรือน้ำมันเมล็ดลินิน จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างเพียงพอ โดยรับประทานวันละ 1 ช้อนโต๊ะ หรือผสมในซีเรียลแล้วรับประทานก็ได้

ปรับพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม

  • หลีกเลี่ยงการทำงานในบริเวณที่มีแสงจ้าและลมแรง เพราะจะทำให้ตาแห้งเร็ว ควรใส่แว่นกันแดดช่วย โดยเลือกแว่นขนาดใหญ่ที่มีขอบด้านข้าง เพื่อช่วยลดการระเหยของน้ำตา
  • หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีอากาศแห้ง และเย็นจัด เช่น ห้องปรับอากาศ ตลอดจนหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นละอองและควันต่าง ๆ เช่น บุหรี่ ซึ่งจะทำให้เกิดการระคายเคืองตา
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนไม่พออาจทำให้ตาแห้งและตาแดงช้ำ เนื่องจากเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงดวงตาบวม การพักผ่อนให้สมดุลจึงดีต่อดวงตาที่สุด
  • อย่าเป่าลมร้อนจากเครื่องเป่าผมเข้าตาโดยตรง รวมทั้งปรับไม่ให้เครื่องปรับอากาศหรือพัดลมเป่าโดนตาหรือใบหน้าโดยตรง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.kumanews.com

Back To Top