ตาแห้งไม่ใช่เรื่องเล็ก
การใช้สายตามากเกินไปจนเกิดอาการตาแห้ง ส่งผลเสียกับดวงตา
อาการตาแห้งจากการสวมคอนแทคเลนส์ จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ทำงานมากเกิน หรือจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ดูทีวีใกล้เกิน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการโรคตาแห้ง
ผลเสียของโรคตาแห้ง
การที่ดวงตาของเราแห้งจะทำให้ประสิทธิภาพในการมองสิ่งต่าง ๆ ลดลง จะมีอาการแสบตา สู้แสงต่าง ไม่ค่อยได้ เจอลมพัดผ่านก็จะแสบหรือไม่สบายตา เวลาอยู่ในห้องที่เปิดพัดลมหรือแอร์นาน ๆ แล้วตาจะแดง เคืองตา แสบตาเวลขับรถ หรือสำหรับผู้ที่ใส่คอนเทคเลนส์ถ้ามีอาการระคายเคืองตา ปล่อยไว้นานอาจมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
สำรวจสาเหตุของอาการตาแห้ง
ตาแห้งเป็นอาการที่มีความผิดปกติของน้ำตา โดยปกติดวงตาของคนเราจะมีปริมาณน้ำตาเพียงพอที่จะมาหล่อเลี้ยงหรือให้ความชุ่มชื้นกับดวงตา รวมถึงฉาบกระจกตา ทำให้การมองเห็นชัดเจน
ส่วนอาการตาแห้งเกิดจากการมีปริมาณน้ำตาน้อย หรือคุณภาพของน้ำตาไม่ดีพอ ซึ่งน้ำตาที่ดีมีส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ ไขมัน น้ำใส และเมือก หากส่วนประกอบ 1 ใน 3 ของน้ำตาขาดความสมดุลหรือไม่มีคุณภาพ จะทำให้ตาแห้งได้
อาการนี้เป็นได้ทุกเพศ แต่มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และจะพบมากขึ้นตามวัย โดยเฉพาะในผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน เป็นผลมาจากระดับฮอร์โมนที่ลดลง ทำให้สารคัดหลั่งต่างๆ ในร่างกายรวมทั้งน้ำตาก็ลดปริมาณลงไปด้วย นอกจากนี้ อาการดังกล่าวยังเกิดได้จากอีกหลายสาเหตุ
เทคนิคเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา
- กระพริบตาถี่ๆ ในภาวะปกติคนเราจะกระพริบตานาทีละ 20 – 22 ครั้ง ทุกครั้งที่กระพริบตา เปลือกตาจะรีดน้ำตาให้มาฉาบผิวกระจกตา แต่ถ้าในขณะที่จ้องหรือเพ่งตาค้างไว้นานกว่าปกติ เช่น เวลา ที่เราอ่านหนังสือ ดูทีวีหรือจ้องคอมพิวเตอร์ จะทำให้เรากระพริบตาเพียง 8 – 10 ครั้ง น้ำตาก็จะระเหยออกไปมาก ทำให้ตาแห้งเพิ่มขึ้น จึงควรพักสายตาระยะสั้นๆ โดยการหลับตา หรือกระพริบตา
อย่างช้าๆ หรือลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถประมาณ 2 – 3 นาที ในทุกครึ่งชั่วโมง
- ประคบดวงตาด้วยน้ำเย็น แช่ผ้าขนหนูผืนเล็ก 2 ผืนในน้ำเย็น หยิบขึ้นมา 1 ผืน บิดพอหมาดและพับทบเป็นผืนยาว วางปิดดวงตาไว้ทั้งสองข้างนานประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าผ้าจะหายเย็น แล้วจึงใช้ผ้าอีกผืนหนึ่งประคบ สลับกันไปมา จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาของคุณได้เช่นกัน
กินอาหารลดอาการตาแห้ง
- กล้วย กินกล้วยทุกวัน เพราะกล้วยมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งจะทำงานร่วมกับโซเดียมเพื่อรักษาภาวะสมดุลน้ำในร่างกาย และช่วยให้ดวงตาของคุณชุ่มชื้นอยู่เสมอ
- ถั่วประเภทนัท (Nut) ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะวอลนัต ควรรับประทานวันละประมาณ 1 กำมือ เพราะถั่วประเภทนี้มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวหรือกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง ซึ่งสารอาหารเหล่านี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในน้ำตา
- ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่าหรือปลาแซลมอน เพราะมีกรดไขมันที่จำเป็นหรือโอเมก้า-3 ด้วย หรือถ้าเป็นสเต็มเซลล์จากรังไข่ปลาแซลมอน จะดีมากเพราะมีอนุภาคที่เล็กและซึมลึกได้ดี เข้าบำรุงเส้นเลือดเล็กๆ และสายตาได้อย่างรวดเร็ว
- น้ำมันปอ (Flexseed oil) หรือน้ำมันเมล็ดลินิน จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างเพียงพอ โดยรับประทานวันละ 1 ช้อนโต๊ะ หรือผสมในซีเรียลแล้วรับประทานก็ได้
ปรับพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม
- หลีกเลี่ยงการทำงานในบริเวณที่มีแสงจ้าและลมแรง เพราะจะทำให้ตาแห้งเร็ว ควรใส่แว่นกันแดดช่วย โดยเลือกแว่นขนาดใหญ่ที่มีขอบด้านข้าง เพื่อช่วยลดการระเหยของน้ำตา
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีอากาศแห้ง และเย็นจัด เช่น ห้องปรับอากาศ ตลอดจนหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นละอองและควันต่าง ๆ เช่น บุหรี่ ซึ่งจะทำให้เกิดการระคายเคืองตา
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนไม่พออาจทำให้ตาแห้งและตาแดงช้ำ เนื่องจากเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงดวงตาบวม การพักผ่อนให้สมดุลจึงดีต่อดวงตาที่สุด
- อย่าเป่าลมร้อนจากเครื่องเป่าผมเข้าตาโดยตรง รวมทั้งปรับไม่ให้เครื่องปรับอากาศหรือพัดลมเป่าโดนตาหรือใบหน้าโดยตรง
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.kumanews.com