ปรับพฤติกรรม…แก้อาการอ่อนเพลีย
อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง หรือเรียกย่อๆ ว่า CFS (Chronic Fatigue Syndrome) หรือที่เรียกว่าไฮโปรไกลซีเมีย (Hypoglycemia) หมายถึง อาการน้ำตาลกลูโคส (น้ำตาลที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย) ในเลือดต่ำ ทำให้มีอาการอ่อนเพลียรวมทั้งนอนไม่หลับ ปวดเมื่อยเนื้อตัวตลอดจนระบบการขับถ่ายรวมไปหมด ทำให้มีอาการอ่อนเพลียอย่างต่อเนื่อง เป็นอาการที่บ่งบอกถึงความรู้สึกเหนื่อยล้า ขาดแรงจูงใจหรือขาดพลังงาน จนไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติซึ่งหากจะตรวจหาสาเหตุด้วยเครื่องมือสมัยใหม่มักไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
สาเหตุที่พบบ่อยคือ โรคประจำตัวที่มีความรุนแรงน้อยไปจนถึงรุนแรงมาก หรือเป็นผลมาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิต เช่น ขาดการออกกำลังกาย หรือการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือไม่เพียงพอ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ได้แก่ ควันพิษจากรถยนต์หรือการรักษาโรคด้วยยาแผนปัจจุบันบางชนิด เช่น ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมสมัยใหม่ที่เร่งรีบแข่งขัน และความเครียด จากการเผชิญปัญหาต่างๆ
นอกจานี้อาการดังกล่าวอาจเกิดจากการขาดฮอร์โน โรคภูมิแพ้ โรคความดันโลหิตต่ำเรื่องรัง ปฏิกิริยาจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในร่างกาย หรือในคนที่เคยป่วยเป็นโรคที่ทำให้ระบบประสาทถูกทำลายหลายคนมีอาการทางจิตร่วมด้วย เช่น ซึมเศร้า และวิตกกังวล
การป้องกันอาการอ่อนเพลีย
อาการอ่อนเพลีย ป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนี้
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงจะทำให้รู้สึกเหนื่อยล้ามาก อาจออกกำลังกายเบา ๆ ด้วยการเดินระยะสั้น
- รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและรับประทานอย่างพอเหมาะ โดยไม่ควรข้ามมื้ออาหารโดยเฉพาะมื้อเช้า
- ดื่มน้ำอย่างพอเหมาะ เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
- เข้านอนและตื่นให้เป็นเวลาทุกวัน และควรพักผ่อนให้เพียงพอ
- หากเกิดปัญหาทางอารมณ์ ควรเผชิญหน้าและแก้ไข้ปัญหา ไม่ควรเพิกเฉยและหนีปัญหา อาจปรึกษาคนใกล้ชิดเพื่อขอความช่วยเหลือในการแก้ปัญหา
- หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ทำให้เครียด ซึมเศร้า ไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆ
- หาทางจัดการกับความเครียดและทำงานในปริมาณที่เหมาะสม
- หาเวลาว่างทำกิจกรรมเพื่อให้ผ่อนคลาย เช่น การเล่นโยคะ ฝึกสมาธิ
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และยาเสพติดทุกชนิด
วิตามินบำรุง…ต้านอาการอ่อนเพลีย
วิตามิน อีกหนึ่งทางเลือกในการแก้อาการอ่อนเพลีย
- วิตามินเบต้า – แคโรทีน 500 IU และวิตามินดี 1,000 IU กินวันละครั้งหลังอาหาร
- วิตามินบีคอมเพล็กซ์ 50 หรือ 100 มิลลิกรัม เช้า เย็น หลังอาหาร
- วิตามินซี 500 มิลลิกรัม เช้า กลางวัน เย็น หลังอาหาร
- วิตามินบี 1 และ บี 16 อย่างละ 100 มิลลิกรัม เช้า เย็น หลังอาหาร
- วิตามินบี 12 ประมาณ 300 ไมโครกรัม หลังอาหารเช้า
- โครเมียม ประมาณ 500 ไมโครกรัม หลังอาหารเช้า
สูตรสมุนไพร…ตัวช่วยคลายอ่อนเพลีย
สมุนไพรเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยบรรเทาอาหารอ่อนเพลียได้ค่ะ
- ดอกกระดังงา นำดอกกระดังงามาตากแห้ง บดเป็นผง ผสมน้ำผึ้ง แล้วปั้นเป็นยาลูกกลอน ทานเมื่อมีอาการ รสสุขุมหอมของดอกกระดังงาจะช่วยบำรุงร่างกาย
- เนื้อลำไยแห้ง นำเนื้อลำไยมาตากแห้ง จากนั้นนำมาผสมกับน้ำตาลอ้อยแล้วต้มกับน้ำสะอาด ให้พอดื่มได้รสชาติหวานหอม จะช่วยบำรุงกำลัง
- มะระขี้นก น้ำมะระขี้นกมาปรุงเป็นอาหาร หรือคั้นเป็นน้ำเอนไซม์ก็ได้รสขมของมะระขี้นกมีสรรพคุณบำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย
- เห็ดฟางและเห็ดหูหนู นำเห็ดทั้งสองมาปรุงเป็นอาหาร รสเย็นหวานของเห็ดฟาง และรสจืดหวานของเห็ดหูหนูจะช่วยบำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลียได้
- โสมไทย ใช้ส่วนหัวของโสมไทยมาต้มน้ำสะอาดพอเหมาะ ผสมกับยาหอมเล้กน้อย ทานแก้อ่อนเพลีย
ขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 183