มหัศจรรย์ชาเขียว
มหัศจรรย์ของชาเขียว
สารสำคัญที่มีอยู่ในใบชาเขียว
สารสำคัญที่พบได้ในชาเขียว จะประกอบไปด้วย กรดอะมิโน วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี สารในกลุ่ม xanthine alkaloids คือ คาเฟอีน (caffeine) และธิโอฟิลลีน (theophylline)ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ที่เรียกว่า คาเทชิน (catechins) โดยเราสามารถแยกสารคาเทชินออกได้เป็น 5 ชนิด คือ gallocatechin (GC), epicatechin (EC), epigallocatechin (EGC), epicatechin gallate (ECG), และ epigallocatechin gallate (EGCG) โดยคาเทชินที่พบได้มากและมีฤทธิ์ทรงพลังที่สุดในชาเขียว คือ สารอีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต ซึ่งมีความสำคัญในการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ )
คาเฟอีน (caffein) จะมีอยู่ในชาเขียวประมาณร้อยละ2.5 โดยน้ำหนัก คุณสมบัติของคาเฟอีนมีฤทธ์กระตุ้นประสาทเมื่อดื่มชาเขียวจึงทำให้รู้สึกสมองสดชื่น แจ่มใส หายง่วง ช่วยการเผ่าผลาน เพิ่มการทำงานของหัวใจและไต ดังนั้น ผู้ป่วยโรคหัวใจไม่ควรดื่มชา เนื่องจากคาเฟอีนมีคุณสมบัติในการกระตุ้นประสาทและบีบหัวใจ
แทนนิน หรือ ฝาดชา (tea tannin) สารชนิดนี้จะพในใบชาแห้งประมานร้อยละ 20-30 โดยน้ำหนัก เป็นสารที่มีรสฝาดใช้บรรเทาอาการท้องเสียได้ หากต้องการดื่มชาเขียวให้ได้รสชาติที่ดีจึงไม่ควรทิ้งใบชาค้างไว้ในกานานเกินไป เพราะแทนนินจะละลายออกมามากทำให้ชาเขียวมีรสขม แต่ถ้าต้องการดื่มชาเขียวเพื่อให้บรรเทาอาการปวดท้องเสียก็ควรต้มใบชานานๆเพื่อให้มีปริมาณแททนนินออกมามาก
นอกจากนี้แทนนินยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหัวใจและขยายผนังหลอดเลือด จึงทำให้ชาเขียวเหมาะสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงด้วย และสารแคทิชิน (catechin)ซึ่งเป็นสารแทนนินชนิดหนึงในชาเขียว มีฤทธิ์เป็นสารต้านการเกิดมะเร็งด้วย
สรรพคุณของชาเขียว
มีอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรที่จะดีต่อสุขภาพเท่าชาเขียวบ้าง ชาวจีนรู้เรื่องประโยชน์ทางยาของชาเขียวมาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดยใช้ชาเขียวในการรักษาตั้งแต่โรคปวดศีรษะไปจนถึงโรคซึมเศร้า ในหนังสือเรื่อง ไขความลับธรรมชาติสู่สุขภาพที่ดีกว่า นาดีน เทย์เลอร์ กล่าวว่า มีการใช้ชาเขียวเป็นยาในประเทศจีนเป็นเวลานานอย่างน้อย 4,000 ปีมาแล้ว
ปัจจุบัน การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออกพบว่า การดื่มชาเขียวมีผลอย่างชัดเจนต่อสุขภาพ เช่น ในปี 1994 วารสารของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ตีพิมพ์ผลการศึกษาที่แสดงว่า การดื่ม ชาเขียวช่วยลดอัตราการเสี่ยงของโรคมะเร็งหลอดอาหาร ในหมู่ชาวจีนทั้งหญิงชาย ได้ถึง เกือบ 60%เมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปูร์ดู สรุปว่า สารประกอบในชาเขียว ช่วยยับยั้งอัตราการเติบโตของเซลมะเร็งได้ นอกจากนั้น ยังมีการวิจัยที่แสดงว่า การดื่มชาเขียวช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลโดยรวมได้ และยังช่วยปรับอัตรา HDL ให้เป็น LDL
ความลับของชาเขียวอยู่ที่ปริมาณสาร Catechin Polyphenol โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Epigallocatechin Gallate (EGCG) ที่มีอยู่มากในตัวชา EGCG เป็นสารต้านพิษ และยังช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลมะเร็งด้วยการฆ่าเซลมะเร็ง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อส่วนดี นอกจากนั้นยังช่วยลดระดับ LDL คลอเรสเตอรอล และยับยั้งการก่อตัวแบบผิดปกติของก้อนเลือด ซึ่งเป็นเหตุของอาการหัวใจวายและลมชัก มักมีการเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้จากการดื่มชา เข้ากับประโยชน์ทีได้จากการดื่มไวน์ นักวิจัยสงสัยมานานแล้วว่า ทำไมชาวฝรั่งเศสจึงมีอัตราการป่วยด้วยโรคหัวใจน้อยกว่าชาวอเมริกัน ทั้งที่บริโภคอาหารที่มีไขมันสูง คำตอบก็คือ เป็นเพราะไวน์แดง ซึ่งมีสาร Resveratrolที่เป็น Polyphenol ที่ลดอันตรายจากการสูบบุหรี่และรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
ในการวิจัยเมื่อปี 1997 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคนซัส สรุปว่า EGCG นั้นแรงเท่า ๆ กับ Resveratrol ถึงเกือบ 2เท่า ซึ่งเป็นการอธิบายว่า ทำไมชาวญี่ปุ่นจึงมีอัตราการเสี่ยงโรคหัวใจค่อนข้างต่ำ แม้ว่ากว่า 75% จะสูบบุหรี่ก็ตาม
ทำไมชาวจีนอื่น ๆ จึงไม่ดีเท่าชาเขียว ชาเขียว ชาอูลอง และชาดำต่างก็มา จากใบของต้น Camellia Sinensis การที่ชาเขียวมีประโยชน์มากกว่า ก็เนื่องมาจากกระบวนการแปรรูป โดยใบชาเขียวจะถูกนำมาอบไอน้ำ ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้สารประกอบ EGCG เข้ารวมตัวกับออกซิเจน ในทางตรงข้าม ใบชาอูลองและชาดำกลับเกิดจากการนำใบชาไปหมัก ซึ่งทำให้EGCG ถูกเปลี่ยนเป็นสารประกอบชนิดอื่น ซึ่งแทบไม่มีประสิทธิภาพ ในการป้องกันหรือต่อสู้โรคใด ๆ เลย
สาร EGCG นี้ในทางเคมีจัดเป็นสารโพลี่ฟีนอลชนิดหนึ่งที่มีการวิจัยกันอย่างกว้างขวางและหลายการวิจัยก็พบว่า สาร EGCG ดังกล่าวนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายได้แก่
1. มีส่วนช่วยในขบวนการ การกำจัดไขมันโคเรสเตอรอลในหลอดเลือด ซึ่งทำให้ลดภาวะความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง จากการอุดตันของไขมันในหลอดเลือด
2. ช่วยในการขับสารพิษ และสารอนุมูลอิสระ จึงส่งผลในการป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็งและโรคความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
3. ช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เนื่องจากมีผลในการกระตุ้นการทำงานระดับเซลล์ และนอกจากสรรพคุณดังกล่าวจากสาร EGCG ที่มีอยู่ในชาเขียวแล้ว ชาเขียวยังให้สารอื่นๆ อีกมากมายเช่น สารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ซึ่งมีประโยชน์ต่อขบวนการการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และขับสารพิษตกค้างออกจากร่างกายของเรา และจะทำงานร่วมกับสาร EGCG ในการช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น และลดความเสี่ยงจากอันตรายของสารพิษและอนุมูลอิสระ นอกจากนั้นชาเขียวยังมีวิตามิน (Vitamins) เกลือแร่ (Minerals) และสารอาหารจากพืชที่มีความสำคัญต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น
1.ชาเขียวถูกนำมาใช้ในการรักษาตั้งแต่โรคปวดศีรษะไปจนถึงโรคซึ่มเศร้า
2.ช่วยทำให้เจริญอาหาร
3.แก้เมาเหล้า ทำให้สร่างเมา
4.ช่วยแก้หวัด แก้ร้อนใน ช่วยขับเหงื่อ ขับสารพิษตกค้าง
5.ช่วยให้ผ่อนคลายอารมณ์ สงบประสาท ระบายความร้อนจากศีรษะและเบ้าตา ทำให้สดชื่น ตาสว่าง ไม่ง่วงนอน และช่วยทำให้หายใจสดชื่น
6.ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ระบายความร้อนออกจากปอด และช่วยขับเสมหะ
7.ช่วยแก้บิด ท้องร่วง ท้องเสีย
8.ช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ จึงสามารถช่วยล้างสารพิษและกำจัดพิษในลำไส้ได้
9.ช่วยป้องกันตับจากพิษและโรคอื่นๆ
10.ช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเล่น
11.ชาเขียวมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ต้านเชื้อ Botulinusและเชื้อ Staphylococcu
12.ช่วยขับปัสสาวะ ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดีและในไต
13.ช่วยในการห้ามเลือดหรือทำให้เลือดไหลช้าลง
14.ใช้เป็นยาพอกรักษาแผลอักเสบ แผลพุพอง ไฟไหม้ ฝีหนอง ช่วยบรรเทาอาการผดผื่นคัน ผิวร้อนแห้ง แมลงสัตว์กัดต่อย และยังใช้เป็นยากันยุงได้อีกด้วย
15.ชาเขียวสามารถช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบรูมาติก ซึ่งมีอาการอักเสบบวมแดง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ ที่มักเกิดกับสตรีวัยกลางคน
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://lipalawa.blogspot.com/2014/11/blog-post_54.html