รักษาริมฝีปากดำ
รักษาริมฝีปากดำ
ปัญหาริมฝีปากดำคล้ำ มีที่เป็นมาตั้งแต่เกิดและที่เพิ่งเป็นในภายหลัง ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจจะเกิดมาจากสาเหตุเดียวหรือหลายสาเหตุร่วมกันก็ได้ หากดูแลไม่ดีพอหรือแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ริมฝีปากก็จะยิ่งดำคล้ำลงไปมากกว่าเดิม จนบั่นทอนความงามของใบหน้าและทำให้สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง จึงทำให้เจ้าตัวต้องมองหาวิธีแก้ไขให้กลับมาสวยอีกครั้ง จึงนำวิธีแก้ปากดำมาฝาก ปากดำแก้ได้ไม่ยาก
สาเหตุของริมฝีปากดำคล้ำ
- กรรมพันธุ์ สีของริมฝีปากตามปกติแล้วจะมีตั้งแต่สีชมพู สีแดง ไปจนถึงสีคล้ำ ซึ่งเหล่านี้เป็นลักษณะเฉพาะบุคคลที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่หรือบรรพบุรุษ เช่น คนผิวคล้ำมักจะมีริมฝีปากเข้มกว่าคนผิวขาว เป็นต้น
- วัยที่มากขึ้น ริมฝีปากอาจเริ่มคล้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับสีผิวของร่างกาย ซึ่งผ่านอาหาร เครื่องดื่ม ยาสีฟัน ลิปสติก แสงแดด และอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้ปากดำคล้ำได้
- พฤติกรรมส่วนตัว เช่น การเลียริมฝีปากบ่อย ๆ สูบบุหรี่จัด เป็นต้น
- แสงแดด สาเหตุริมฝีปากคล้ำอาจเกิดมาจากแสงแดดที่ทำให้ปากดำคล้ำขึ้นคล้าย ๆ กับผิวหนังที่โดนแสงแดดอยู่บ่อย ๆ ก็ได้ แต่เราสามารถป้องกันริมฝีปากคล้ำจากสาเหตุนี้ได้โดยเลือกใช้ลิปสติกสูตรกันแดด แต่หากคุณแพ้ลิปสติกหรือแพ้อาหาร เมื่อไปเจอแสงแดดก็อาจจะยิ่งทำให้ปากดำคล้ำมากขึ้น
- การแพ้ลิปสติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลิปสติกราคาถูกไม่ได้มาตรฐาน หรือลิปสติกที่มีคุณภาพดี ยี่ห้อดัง ก็อาจทำให้บางคนแพ้ได้เช่นกัน ซึ่งโดยมากแล้วมักจะเกิดจากการแพ้น้ำหอม สี หรือสารกันเสียที่มีอยู่ในลิปสติก
- อุณหภูมิ อีกสาเหตุหนึ่งที่อาจมีผลทำให้ริมฝีปากเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ช่วงอากาศหนาวเย็น ปากของคุณอาจจะมีสีคล้ำซีด เพราะเส้นเลือดเกิดการหดตัวและมีสีดำมาคั่งค้างมากกว่าปกติ แต่ปัญหานี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว จึงไม่ต้องเป็นกังวลมากนัก
- ผู้ที่มีสุขภาพไม่สมบูรณ์ เช่น เลือดจาง เจ็บป่วยเรื้อรัง ผู้ป่วยระยะฟื้นไข้ ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้ปริมาณเลือดที่ไหลมาเลี้ยงริมฝีปากมีน้อยลง นานวันเข้าปากก็จะแสดงความไม่สมบูรณ์ออกมา จึงทำให้ปากดูซีดเซียว หรืออีกประการหนึ่ง ในกรณีผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจที่เลือดมีความเข้มข้น ก็อาจส่งผลทำให้ริมฝีปากดูคล้ำกว่าคนปกติได้
- ยาบางชนิด เช่น เบาหวาน ยาขับปัสสาวะ ยารักษาเชื้อรา ยารักษาโรคภูมิแพ้ หรือยารักษาหวัด ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการแพ้ได้
- ผักผลไม้บางชนิด เช่น ขิง ขึ้นฉ่าย ผักชี หอม กระเทียม และผลไม้รสเปรี้ยวจำพวกส้ม สับปะรด มะม่วง มะขาม ฯลฯ เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีสารที่ชื่อว่า โซราเลน (soralen) ที่อาจตกค้างตามริมฝีปากหลังรับประทาน ถ้าสารเหล่านี้สัมผัสกับสารอัลตราไวโอเลตในแสงแดด ก็จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้ริมฝีปากอักเสบและมีการกระตุ้นการสร้างเซลล์ให้สร้างเม็ดสีออกมามาก จนทำให้ริมฝีปากดำคล้ำ
วิธีแก้ปากดํา
- หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้ปากดำ โดยส่วนใหญ่แล้วสาเหตุของปากดำคล้ำมักมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเลียริมฝีปากบ่อย ๆ สูบบุหรี่เป็นประจำ ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเลยจะดีกว่าค่ะ ที่สำคัญก็คือคุณต้องพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกแท่งที่ทำให้เกิดการแพ้ ทาลิปสติกที่มีสารกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดด ส่วนก่อนนอนก็ให้ทาลิปบำรุงให้ชุ่มชื่น งดการใช้ยาสีฟันที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เมื่อรับประทานผักผลไม้ อาหาร หรือของหวาน ก็ควรล้างริมฝีปากตามหลังทุกครั้ง ส่วนการล้างหน้าก็ให้เน้นล้างที่ริมฝีปากไปด้วยพร้อมกับเช็ดปากให้สะอาด เป็นต้น หากสังเกตว่าแพ้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปากก็ควรหยุดใช้ทันที แล้วเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นแทน
- ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ แม้จะฟังดูง่ายเกินไป แต่มีผลจริงค่ะ เพราะการดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ โดยค่อย ๆ จิบน้ำไปเรื่อย ๆ ทีละนิดระหว่างวัน จะช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้นได้ รับรองว่าสภาพผิวและปากจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ใครที่หน้าหมองก็จะกลับมาหน้าใส ใครที่ใต้ตาคล้ำอาการก็จะดีขึ้น และใครที่ปากดำคล้ำไม่มีชีวิตชีวาก็จะดูดีขึ้น
3.ไม่ควรลองผิดลองถูก ไม่ว่าจะเป็นการหาซื้อยามาทาเอง แม้จะมีการโฆษณาบนสื่อโทรทัศน์ ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่า ผลเสียอาจจะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันหรือเกิดผลเสียในระยะยาวก็เป็นได้ แต่หากคุณมีอาการไม่สบายอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็ควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจหาสาเหตุ เมื่อพบแล้วก็จะได้ทำการรักษาในแนวทางที่ถูกต้องต่อไป
4.ใช้แปรงสีฟันเป็นตัวช่วย หลังจากแปรงฟันเสร็จแล้ว ให้คุณใช้แปรงสีฟันค่อย ๆ ถูไปมาแบบเบา ๆ บริเวณริมฝีปากทั้งบนและล่างเป็นประจำทุกวัน เพื่อเป็นการช่วยขจัดเซลล์เก่าที่ตายแล้วออกไป ให้เผยผิวใหม่ทำให้ปากดูอมชมพูมากขึ้น หลาย ๆ คนทำวิธีนี้ไม่ถึงเดือนก็เห็นผลถึงความแตกต่างแล้ว ส่วนสูตรเด็ดของพันทิปจะแนะนำให้แปรงไปพร้อม ๆ กับตอนแปรงฟันเลย คือแปรงฟันเสร็จแล้วก็แปรงริมฝีปากต่อทั้ง ๆ ที่ยังมียาสีฟันติดอยู่นั่นแหละ ครั้งละประมาณ 1-2 นาที โดยยาสีฟันที่ จขกท. ใช้ก็คือ ฟลูโอคารีล สูตรชาเขียว ส่วนอีกคนก็แนะนำพาโรดอนแทกซ์ เพราะใช้แปรงแล้วปากดูอมชมพูขึ้น) ไปลองใช้ลองทำกันดูนะ อ้อ…แล้วอย่าลืมทาลิปมันหรือวาสลีนตามด้วยทุกครั้งนะคะ
5.สครับริมฝีปาก คุณจะเลือกใช้สครับขัดปากที่มีขายอยู่ทั่วไป หรือจะเลือกใช้สครับขัดปากสูตรธรรมชาติก็ได้ โดยสูตรแรกนั้นให้คุณใช้น้ำผึ้ง น้ำตาล และวาสลีน อย่างละ ½ ช้อนชา นำมาผสมให้เข้ากันแล้วนำไปนวดวนให้ทั่วริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นให้ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดออก สูตรนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ดำคล้ำออกไป ทำให้ปากกลับมามีสีแดงระเรื่อเนียนนุ่มอย่างทันตาเห็น ส่วนอีกสูตรให้ใช้ น้ำมะนาว น้ำนม และน้ำตาล อย่างละ ½ ช้อนชา นำมาผสมให้เข้ากันแล้วนำมาทาพร้อมกับนวดวนให้ทั่วปาก หรืออาจใช้สำลีชุบแล้วพอกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีก็ได้ (ส่วนใครที่มีปากที่แผลควรหลีกเลี่ยงการใช้สูตรนี้ เพราะน้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรด) โดยทั้งสองสูตรนี้ให้ทำแค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
6. ทินท์ทาปาก (Tint) การทาปากโดยใช้ทินท์นั้นนอกจากจะทำให้ริมฝีปากดูสุขภาพดีราวกับเลือดฝาดตอนแรกสาวแล้ว ยังดูเหมือนไม่ได้เป็นการตั้งใจทาปากมากจนเกินไป เพราะริมฝีปากจะดูชมพูหรือแดงระเรื่อดูใส ๆ แอ๊บ ๆ ไร้เดียงสา
7. ดินสอเขียนขอบปาก สำหรับคนที่ไม่ชอบใช้ทินท์ เพราะทำให้ปากแดงมากจนเกินไป คุณอาจใช้ดินสอเขียนขอบปากโทนสีธรรมชาติ
8. ทาลิปสติก เป็นการทำให้รอยดำคล้ำดูจางลงด้วยการทาลิปสติกที่มีส่วนผสมของเอเอชเอหรือจำพวกไวเทนนิ่งเป็นประจำ แต่หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกที่มีความมันวาวมาก ๆ เพราะจะเป็นตัวดูดกลืนแสงทำให้ปากดูคล้ำมากขึ้น ส่วนรูปด้านล่างเป็นวิธีการทาลิปสติกสำหรับคนปากคล้ำค่ะ โดยเริ่มจากการทาคอนซีลเลอร์หรือรองพื้นที่เข้ากับสีผิวให้ทั่วริมฝีปาก จากนั้นให้เลือกลิปสีที่ชอบนำมาทาบริเวณด้านใน แต่ถ้าอยากได้ลุคสาววัยทำงานก็ทาให้ทั่วริมฝีปาก (แต่ถ้าใครกลัวว่าการทาคอนซีลเลอร์จะทำให้ทาลิปสติกได้ยากและมองไม่เห็นขอบปาก จะเปลี่ยนไปใช้ดินสอเขียนขอบปาก เขียนก่อนทาลิปสติกก็ได้)
9. ทาลิปบาล์ม ลิปแคร์ เป็นประจำทุกวัน ยิ่งในช่วงหน้าหนาวก็ควรจะทาบ่อยขึ้น เพราะริมฝีปากมักจะแห้งแตกและลอกเป็นขุยได้ง่าย โอกาสที่จะแพ้สารต่าง ๆ ก็ยิ่งมีมากขึ้น โดยลิปบาล์มหรือลิปแคร์ที่ดีนั้นมักจะมีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก เช่น วิตามินอี ลาโนลิน ว่านหางจระเข้ Dumethicone ฯลฯ มีหลายยี่ห้อเลยค่ะ
10. เลเซอร์ปากชมพู เช่น การยิงเลเซอร์แบบจำกัดเม็ดสี โดยแสงเลเซอร์จะเข้าไปทำลายเม็ดสีผิว เวลาทำเลเซอร์แต่ละครั้งมักใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง หลังทำจะรู้สึกร้อน แต่พอป้ายยาที่แพทย์สั่งให้แล้วจะรู้สึกดีขึ้น ส่วนจำนวนครั้งในการรักษาก็ขึ้นอยู่กับความเข้มของสีผิวที่ริมฝีปาก แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะทำประมาณ 2-3 ครั้ง ส่วนการดูแลหลังทำ คุณควรเลี่ยงการใช้ลิปสติกหรือขี้ผึ้งทุกชนิด ให้ใช้เพียงยาที่แพทย์สั่งจ่ายให้เท่านั้น นอกจากนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่รับประทานอาหารที่มีรสจัด ไม่ใช้ยาสีฟันที่มีรสเข้มหรือรสเผ็ดจัด
11. สักปากชมพู สามารถเลือกสีได้ตามใจชอบ หลังเลือกสีแล้วช่างสักก็จะทายาชา พร้อมกับเอา Plastic Wrap มาปิดไว้ เมื่อสักไปแล้ว ช่วงแรกสีจะยังไม่เป็นแบบที่เราต้องการ ให้รอปากปรับสภาพและผลัดเซลล์ก่อน ซึ่งบางคนอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ
ขอขอบคุณบทความจาก: https://medthai.com