fbpx skip to Main Content
ใต้ตาคล้ำ

ร่องตาลึก แก้ใต้ตาคล้ำ

ร่องตาลึก แก้ใต้ตาคล้ำ

ดวงตากลมโตดูสดใส ไร้ริ้วรอย ไม่เป็นร่องลึก นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้ใบหน้าและดวงตาส่องประกายเสน่ห์และความงามออกมาได้ เพราะทำให้คุณดูเป็นที่สะดุดตามากขึ้นเป็นพิเศษ แต่ในทางกลับกันหากใครต้องเจอปัญหาร่องตาลึก หรือเบ้าตาลึก แถมยังมีริ้วรอยที่เห็นได้อย่างเด่นชัดบริเวณรอบดวงตา ก็ย่อมทำให้เสียความมั่นใจธรรมดา บางคนอาจถึงขั้นไม่กล้าสบสายตากับใครในระยะประชิด ต้องคอยหาวิธีหลบเลี่ยงอยู่เสมอ เพียงเพราะไม่อยากให้ใครต้องเห็นหน้าตาโทรม ๆ ของเรา ที่มันดูไม่สดใสเอาซะเลย งั้นเรารีบมาแก้ปัญหานี้กันเลยดีกว่า

สาเหตุการเกิดร่องใต้ตาลึก

ลักษณะทางกายภาพของคนทั่วไปแล้ว มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมีปัญหาเรื่องร่องตาลึกมาตั้งแต่กำเนิด เพราะส่วนใหญ่แล้วเราจะพบปัญหานี้ในกลุ่มคนสูงอายุ เนื่องจากไขมันบริเวณใต้ตาจะฝ่อตัวลงไปตามวัย ประกอบกับร่องตาของคนเรานั้นจะยิ่งขยายกว้างมากขึ้นตามอายุ จนทำให้ร่องตาดูลึกขึ้น หรือในกรณีของคนที่ทำศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา โดยเอาไขมันบริเวณใต้เปลือกตาล่างออกมากจนเกินไป รวมไปถึงคนที่ทำศัลยกรรมตัดแต่งเปลือกตาบน ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาร่องตาลึกหรือเบ้าตาลึกโบ๋ได้เช่นกัน เนื่องจากการตัดหนังที่ชั้นเปลือกตาบนออกมากเกินไปจนเสียรูป จึงส่งผลทำให้ใต้ตาเป็นร่องยุบลึกลงไป และเปลือกตาบนก็มีชั้นตาที่ลึกมากเกินไปคล้ายสระอิ ทำให้ใบหน้าดูอิดโรยไม่สดใส และยังทำให้ดูเหมือนว่าหางตาตกอีกด้วย และมักจะลงเอยทำให้ตาลึกโบ๋ในที่สุด

วิธีแก้ร่องใต้ตาลึก

  • แต่งหน้าแก้ไขร่องตาลึก เป็นวิธีที่ไม่ต้องอาศัยการทำศัลยกรรมให้ยุ่งยาก เพียงแค่เตรียมผิวหน้าและเครื่องสำอางไว้ให้พร้อม หลังจากบำรุงผิวหน้าเสร็จแล้ว ก็ให้เริ่มจากการปรับสภาพผิวบริเวณรอบดวงตาให้ดูสดใส โดยเลือกใช้เบสปรับสภาพผิวบริเวณรอบดวงตา ถ้าผิวขาวให้ใช้เบสชมพู, ผิวเหลืองให้ใช้เบสเหลือง ส่วนคนผิวคล้ำให้ใช้เบสม่วง แตะเนื้อครีมไปยังบริเวณเปลือกตาบนและใต้ตา แล้วเกลี่ยเบา ๆ ให้เนื้อเบสเรียบเนียน เพื่อกลบปัญหาร่องตาลึกและช่วยปรับสีผิวรอบดวงตาให้ดูสดใส จากนั้นจึงค่อยทารองพื้นหรือบีบีครีมให้ทั่วหน้าและลำคอ แล้วตามด้วยการใช้คอนซีลเลอร์สำหรับดวงตาเกลี่ยเบา ๆ บริเวณร่องตาและใต้ตาอีกครั้ง จากนั้นจึงปัดแป้งฝุ่นให้ทั่วหน้าและลำคอ เสร็จแล้วก็มาถึงขั้นตอนการตกแต่งคิ้วและดวงตาให้เจิดจรัส โดยเริ่มจากการเขียนคิ้วให้ได้รูปทรงสวยงาม เน้นปลายคิ้วให้โก่งมากขึ้นกว่าเดิมนิดนึง เพื่อช่วยให้ดวงตาดูคมชัด จากนั้นก็ตกแต่งดวงตาโดยใช้อายแชโดว์สีสว่าง ๆ อย่างสีเบจหรือสีทองอ่อนผสมชิมเมอร์ ทาที่เปลือกตาไล่ลงมาจนถึงขอบตาล่าง เพื่อช่วยลดความหมองคล้ำและสร้างความเปล่งประกายให้ดวงตาที่เหี่ยวย่นและดูโทรมให้สวยเด่นกว่าใคร และก็ตามด้วยการเขียนอายไลเนอร์แบบดินสอให้เป็นเส้นเล็กชิดขอบตา พร้อมกับดัดขนตาและปัดมาสคาร่า เพื่อให้ดวงตาดูกลมโตน่ารักมากยิ่งขึ้น ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ ?

การฉีดด้วยไขมัน (Fat Transfer) เหมาะกับคนที่ร่องใต้ตาลึกและกว้างมาก จะเป็นการฉีดโดยใช้ไขมันของตัวเองที่มีอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นจากบริเวณต้นขาหรือหน้าท้อง นำมาฉีดลงไปยังใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตา เพื่อให้เซลล์ไขมันไปสัมผัสกับเนื้อเยื่อภายในให้มากที่สุด จนทำให้ผิวกระชับเต่งตึงและเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งนับได้ว่าเป็นข้อดีของวิธีนี้เลยก็ว่าได้ เพราะการฉีดโดยใช้ไขมันตัวเองจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือเกิดผลกระทบหลังการฉีด อีกทั้งเซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปและเหลืออยู่หลังจากผ่านไปแล้วประมาณ 6 เดือน จะคงอยู่ได้อย่างถาวร ซึ่งแตกต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ที่จะต้องมาฉีดซ้ำอยู่เรื่อย ๆ เมื่อสารสังเคราะห์สลายไป แต่การเติมเต็มเซลล์ไขมันเพื่อแก้ไขตาลึกนั้น ในบางรายอาจจะต้องทำมากกว่าหนึ่งครั้ง เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจสลายตัวในขณะทำการรักษา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติอยู่แล้ว และปริมาณการสลายตัวของเซลล์ไขมันก็ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับธรรมชาติของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม แพทย์จะไม่ใช้วิธีการเติมเผื่อเอาไว้มาก ๆ เนื่องจากการเติมเพิ่มภายหลังจะง่ายกว่าการมาแก้ไขเพื่อเอาไขมันส่วนเกินออกนั่นเอง ราคาทำต่อครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นบาทขึ้นไป

ภายหลังการทำศัลยกรรมร่องตาลึก ควรมีการประคบเย็น 2-3 วัน เพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำ หรือรับประทานยาลดบวมและยาแก้อักเสบที่แพทย์สั่ง ซึ่งอาการบวมจะหายไปได้เองใน 1-2 วัน แต่ในบางรายอาจมีรอยจ้ำเลือดใต้ผิว (สามารถแต่งหน้าเพื่อปิดรอยได้) ในระหว่างนี้ก็ให้งดการนวดหน้า กดจุด และดื่มแอลกอฮอล์ แต่สำหรับใครที่มีอาการผิดปกติหรือยังมีอาการช้ำบวมอยู่มากให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน อย่างไรก็ตาม แม้การทำศัลยกรรมร่องตาลึกจะช่วยแก้ปัญหาร่องตาลึกของสาว ๆ ได้จริง แต่ก็ยังมีข้อควรระวังอยู่บ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ผิวใต้ตาและเนื้อแก้มจะดูบวมเป่งมากจนเกินไปหรือบวมไม่เท่ากัน เนื่องจากสารที่นำมาฉีดอาจจับตัวกันเป็นก้อนอยู่ใต้ผิวหนังที่มีขนาดใหญ่หรือฉีดในปริมาณที่มากเกินไป

 

www.medthai.com

Back To Top