4 วิธีหน้าเรียวถาวร
ปัจจุบันเทรนด์หน้าเรียว รูปหน้าเป๊ะปัง กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก การปรับรูปหน้าหรือทำให้หน้าเรียวก็แตกต่างกัน ขึ้นกับองค์ประกอบของอวัยวะส่วนต่าง ๆ บนใบหน้า ส่วนประกอบที่สมมาตร และสมดุลกันของใบหน้า ดังนั้นการศัลยกรรมเพื่อปรับรูปหน้าจึงกลายเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
วันนี้เรามีการศัลยกรรมเพื่อปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยมาแนะนำค่ะ
ผ่าตัดเสริมคาง (Chin augmentation)
เป็นการผ่าตัดเสริมคาง โดยการใช้ซิลิโคน เพื่อปรับเปลี่ยนรูปหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง ปัญหาใบหน้ากลม คางสั้น เป็นปัญหาสำคัญที่มีผลต่อความมั่นใจของหลายๆคน ปัจจุบันการเสริมคางที่ได้รับความนิยมมีทั้งการผ่าตัดเสริมคางโดยใช้ซิลิโคนและการฉีดสารเติมเต็ม (Filler) แต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ปัญหาส่วนใหญ่ของการฉีดสารเติมเต็ม (Filler) นั้นมักจะสลายไม่หมด ติดเป็นพังผืดที่เนื้อเยื่อของร่างกาย ในบางรายทำให้คางบุ๋ม การผ่าตัดเสริมคางโดยใช้ซิลิโคนนั้นไม่ได้อันตรายและเจ็บอย่างที่หลายๆคนคิด ด้วยเทคนิคการผ่าตัดที่ทันสมัยทำให้การผ่าตัดเสริมคางในปัจจุบันนั้นแผลเล็ก หายไว ไม่ได้อักเสบหรือบวมช้ำมากแบบที่หลายๆคนกังวล
การผ่าตัดเสริมคาง มี 2 แบบ ได้แก่
เสริมคางแผลใน
- ข้อดี : ไม่มีแผลเป็นภายนอก
- ข้อเสีย : มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าแผลภายนอก แต่ถ้าดูแลรักษาความสะอาดในช่องปากได้ดีก็ไม่มีปัญหาในจุดนี้
เสริมคางแผลนอก
- ข้อดี โอกาสติดเชื้อน้อยกว่าแผลในปาก
- ข้อเสีย มีแผลเป็นภายนอกยาวประมาณ 3 ซม.
หากคนไข้มีปัญหาแผลเป็นนูน(keloid) ก็มีโอกาสเกิดหลังจากผ่าตัด ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนผ่าตัด
ปัญหาที่อาจพบได้จากการเสริมคางด้วยซิลิโคน คือ ซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่ง ทำให้คางเบี้ยว ซึ่งปัญหานี้จะเกิดน้อยเมื่อผ่าตัดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีประสบการณ์ โดยปกติแล้วเทคนิคการ FIX ซิลิโคนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมมีดังนี้
- วางซิลิโคนเอาไว้เฉย ๆ รอให้มีพังผืดมารัดซิลิโคน ซึ่งเทคนิคนี้มีโอกาสทำให้ซิลิโคนผิดตำแหน่งมากที่สุด
- เย็บซิลิโคนให้ติดกับเนื้อเยื่อข้างเคียง วิธีนี้ทำให้ซิลิโคนอยู่กับที่แต่ก็ยังมีโอกาสที่ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่งอยู่บ้าง
- ใช้สกรูยึดซิลิโคนกับกระดูก วิธีนี้ป้องกันปัญหาซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่งได้ดีที่สุดเกือบ 100%
ผ่าตัด RF ลดกล้ามเนื้อกราม
ปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่ เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้รูปหน้าบานออกด้านข้าง วิธีการรักษาภาวะกล้ามเนื้อกรามใหญ่ (Masster muscle hypertrophy) โดยทั่วไปนั้นรักษาด้วยการฉีดโบท็อกซ์ (Botulinum toxin) ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากและปลอดภัย แต่อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ก็ต้องกลับมาฉีดซ้ำบ่อยๆ เพื่อไม่ให้กลับมาหน้าบานอีก แต่การฉีดซ้ำบ่อยๆจะทำให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์ได้ ทำให้เมื่อฉีดซ้ำบ่อยครั้งหน้าจึงไม่เรียวเล็กเหมือนครั้งก่อนๆค่ะ
การรักษาแบบใหม่ของการลดกล้ามเนื้อกรามซึ่งได้ ผลดีและถาวร ก็คือ การใช้คลื่นความถี่วิทยุทำให้กล้ามเนื้อลดขนาดลงอย่างถาวร ซึ่งผู้พัฒนาเทคนิคคิดค้นโดย Dr.Oppel, Sometec Medical Inc, ประเทศเกาหลี โดยผลการรักษาจะเริ่มเปลี่ยนแปลงจนเห็นได้ชัดใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ โดยยังไม่พบภาวะแทรกซ้อนใด ๆ
วิธีการนี้เป็นการใช้คลื่นความถี่วิทยุเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่ 50-90 องศาเซลเซียส ทำให้เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อเกิดการหดตัว และเล็กลงในที่สุดค่ะ
ลดกรามถาวรเหมาะกับใคร
- เหมาะกับคนที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่
- เหมาะกับคนที่ดื้อยาจากการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม
- เหมาะกับคนที่ต้องการลดขนาดกรามโดยไม่ต้องการฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่ร่างกาย
ข้อดีของการลดกรามถาวรด้วยการใช้คลื่นความถี่วิทยุ
- ไม่ต้องฉีดสารใด ๆ เข้าสู่ร่างกาย
- เป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่มีแผลเป็นภายนอก
- ไม่ต้องพักฟื้น
ดูดไขมันลดเหนียง
“เหนียง” คือ เนื้อที่ห้อยอยู่ตรงลำคอบริเวณใต้คาง
สำหรับสาเหตุของปัญหาเหนียงยาน เหนียงห้อย เกิดจากหลายปัจจัย ดังนี้
- ปริมาณไขมันชั้นใต้ผิวหนังมีปริมาณมาก
- ผิวหนังบริเวณใต้คางและคอห้อยและหย่อนคล้อย
- กล้ามเนื้อภายในบริเวณใต้คางและลำคอ (SMAS) หย่อนคล้อย
การแก้ไขปัญหาเหนียงยาน เหนียงห้อย จึงจำเป็นต้องแก้ไขให้ตรงจุด ต้องแก้ที่สาเหตุดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากปริมาณไขมันใต้ผิวหนังที่มีปริมาณมาก มักเกิดจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ไม่ควบคุมอาหาร ไม่ออกกำลังกาย
ดูดไขมันเหนียงใต้คาง ดีอย่างไร ?
- เจ็บน้อย แผลขนาดเล็กอยู่บริเวณใต้คางเพียงตำแหน่งเดียว และเนื่องจากแผลอยู่ตามตำแหน่งรอยพับ จึงไม่ทำให้มีแผลเป็น
- ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน
- ฟื้นตัวเร็ว พักฟื้นไม่นาน ผลลัพธ์ถาวร เป็นธรรมชาติ
*** หลังการรักษาด้วยการดูดไขมันเหนียงใต้คาง ผลลัพธ์จะคงอยู่ถาวรเมื่อควบคุมน้ำหนักได้ดี แต่ถ้าน้ำหนักตัวมากขึ้นไขมันก็สามารถกลับมาสะสมบริเวณที่ดูดไขมันไปได้
ดูดไขมันเหนียงใต้คางเหมาะกับใคร ?
- คนที่มีคางสองชั้น มีไขมันใต้คางปริมาณมาก
- คนที่มีอายุ 20-45 ปี เนื่องจากอายุน้อยผิวหนังภายนอกและกล้ามเนื้อภายในยังตึงกระชับอยู่ แต่เมื่ออายุมากขึ้นผิวหนังภายนอกและกล้ามเนื้อภายในจะมีการหย่อนยาน การรักษาด้วยการดูดไขมันเหนียงใต้คางเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ
- คนที่มีผิวหนังที่ยังมีความยืดหยุ่นดี
- คนที่ต้องการให้เห็นกรอบหน้าชัดเจนมากขึ้น
การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal fat pad removal)
เป็นการผ่าตัดลดขนาดแก้มโดยการนำไขมันบริเวณกระพุ้งแก้มออก เพื่อปรับรูปหน้า ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กลง ปัญหาไขมันส่วนเกินบนใบหน้าและลำคอ เป็นปัญหาที่พบบ่อยในปัจจุบัน ซึ่งปัญหานี้เกิดจากการสะสมของไขมัน ในจุดที่ไม่พึงประสงค์ เช่น แก้ม และคาง ส่งผลต่อรูปหน้าทำให้รูปหน้าดูกลม และทำให้สูญเสียความมั่นใจตามมา สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากการรับประทานอาหารที่เกินพอดี อาหารที่มีแคลลอรี่สูงๆ เช่น กลุ่มแป้ง น้ำตาล ไขมัน ฯลฯ โดยไม่ได้สัดส่วนกับการเผาผลาญไขมัน เช่น จากการออกกำลังกาย เมื่อระยะเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไขมันส่วนเกิน ก็จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เซลล์ไขมัน ก็จะอ้วนพองใหญ่และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เซลล์ขยายออก หรือใหญ่ขึ้นเฉพาะบางส่วนได้นั่นเอง การแก้ไขปัญหาดังกล่าวในปัจจุบันก็มีหลายวิธี เช่น การลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย การฉีดสารเพื่อสลายไขมัน แต่การรักษาที่ตรงจุด เห็นผลมากที่สุดคือ การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม นั่นเอง
นอกจากการผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มจะช่วยทำให้หน้าเรียวมากขึ้นแล้ว มีการศึกษาวิจัยจากต่างประเทศพบว่าการผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มจะช่วยทำให้ใบหน้าที่หย่อนคล้อยจากไขมันกระพุ้งแก้มที่ห้อยลงด้านล่าง กลับตึงขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย หรือแก้มห้อยให้ตึงกระชับมากขึ้นอีก
ข้อดีของการผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม
- ผลลัพธ์ชัดเจน
- เป็นการผ่าตัดเล็ก
- ไม่มีแผลเป็นภายนอก
- หายไว ไม่ต้องพักฟื้น
ลองดูกันนะคะ ว่าเรามีปัญหารูปหน้าแบบไหน จะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด เพื่อรูปหน้าที่เรียวสวยสมใจค่ะ
หากไม่มั่นใจปรึกษาเราได้นะคะ HERS CLINIC ของเรามีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญในการปรับรูปหน้าพร้อมให้คำแนะนำค่ะ
นัดปรึกษาก่อนได้ ในวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 10.00-18.00น. โทร : 099-189-0189