10 ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว ของดีที่หลายคนอาจมองข้าม
10 ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว ของดีที่หลายคนอาจมองข้าม
“น้ำมันมะพร้าว” สารพัดประโยชน์ นำมาใช้ได้หัวจรดเท้าสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทั้งเรื่องของสุขภาพและความงาม ให้ประโยชน์ต่อร่างกายทั้งภายในและภายนอก ตั้งแต่ผม ผิวพรรณ ไปจนถึงระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย
- น้ำมันมะพร้าวเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
โรคกระดูกพรุนนี้เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะผู้หญิง จากการศึกษาพบว่าผู้หญิงจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน มากกว่าผู้ชายถึง 4 เท่า ถ้าไม่อยากเป็นโรคนี้วิธีการป้องกันก็คือ การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม และวิตามินดีสูง การทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ เป็นการเพิ่มแคลเซียมและแมกนีเซียมให้กับกระดูก ทำให้กระดูกเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง
- น้ำมันมะพร้าวช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง
กรดไขมันสายกลาง (medium chain fatty acid) ในน้ำมันมะพร้าวช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและกระบวนการรับรู้ของมนุษย์ นอกจากนี้ผลการศึกษายังบอกด้วยว่ากรดไขมันสายกลางในน้ำมันมะพร้าว ยังช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ด้วย
- น้ำมันมะพร้าวเพิ่มปริมาณน้ำนม สำหรับคุณแม่
จากการศึกษาวิจัยทำให้ทราบว่าสตรีที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรถ้าต้องการเพิ่มปริมาณน้ำนม ให้ได้มากกว่าเดิมถึง 3 เท่าจากเดิมแค่เพียงรับประทานน้ำมันมะพร้าววันละ 3-4 ช้อนโต๊ะ เพื่อเป็นการเพิ่มกรดไขมันลอริกในร่างกาย
- น้ำมันมะพร้าวช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนัง
ผลการศึกษามากมายพบว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนัง เช่น โรคเรื้อน สิว โรคสะกิดเงิน นอกจากนี้หากใช้เป็นประจำน้ำมันมะพร้าวยังช่วยสมานแผลต่างๆ ด้วย
- น้ำมันมะพร้าวลดน้ำหนัก
น้ำมันมะพร้าวได้รับการขนานนามว่าเป็น“ไขมันแคลอรีต่ำ”แถมบำบัดความหิวได้ดีกว่า ไขมันหรืออาหารอื่นการทานน้ำมันมะพร้าวจะทำให้รู้สึกอิ่มเป็นเวลานานจึงทานอาหารน้อยกว่า การที่ทานน้ำมันอื่นๆทำให้มีแคลอรีน้อยกว่าจนไม่มีเหลือสะสมเป็นไขมัน
การกินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เพื่อลดความอ้วนเป็นแนวคิดของ Atkins Diet โดยมีหลักการว่า ต้องลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งอินซูลินซึ่งส่งผลต่อการสะสมไขมันของร่างกายหากงดกินแป้งและกินแต่ไขมันไขมันจะกดความอยากอาหารเมื่อกินไปสักระยะเราจึงกินน้อยลง
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ได้ดีกว่าไขมันชนิดอื่น ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย กระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ และสร้างความร้อนได้เร็วจึงไม่สะสมในร่างกาย แนะนำให้กินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ควบคู่กับอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยอาจนำมาผสมกับสมูตตี้ น้ำสลัด หรือซอส วันละ 2-3 ช้อนโต๊ะน้ำมันมะพร้าวสามารถเข้ากันได้กับอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด เช่น ซุบ โจ๊ก แกงจืด น้ำส้ม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ โอวัลติน โดยไม่ได้ทำให้อาหารและเครื่องดื่ม เปลี่ยนรสชาติ หรือสูญเสียคุณค่าทางอาหาร และความอร่อยไปสามารถใช้น้ำมันมะพร้าว ปรุงอาหารได้ โดยการผัด หรือทอด ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนเป็น Trans Fats ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเหมือนน้ำมันไม่อิ่มตัวทั้งหลาย
- น้ำมันมะพร้าวบำรุงผม
ชาวอินเดียวใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อช่วยในการบำรุงผมใช้มากันนานแล้ว โดยจะใช้น้ำมันมะพร้าวแทนครีมนวดผม ทำให้ผมเงา สวย จากผมแห้งแตกปลายก็ดูมีชีวิตชีวา
น้ำมันมะพร้าวหมักผม ช่วยบำรุงเส้นผมทำให้ผมดกดำ ทำให้สวยเงางามอย่างเป็นธรรมชาติด้วยการชโลมน้ำมันมะพร้าวให้ทั่วหนังศีรษะในปริมาณที่เหมาะสมแล้วนวดหนังศีรษะจนน้ำมันซึมทั่วหนังศีรษะ เส้นผม ปลายผม แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 15นาที แล้วค่อยสระออกจะช่วยให้เส้นผมมีน้ำหนักเงางามขึ้น
น้ำมันมะพร้าวใช้ช่วยบำรุงผมเสีย แก้ปัญหาผมร่วง ผมแตกปลาย ด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมผมตอนแห้งแล้วทิ้งไว้ 30 นาทีแล้วสรระออก จะทำให้เส้นผมนุ่มสลวยไม่พันกัน เส้นผมตรงมากยิ่งขึ้น และยังช่วยป้องกันผมร่วง ผมหงอกได้
- น้ำมันมะพร้าวช่วยฟื้นบำรุงผิวหน้าและผิวกาย
อนุมูลอิสระเป็นตัวการอันหนึ่งของการเกิดฝ้าและกระ วิตามินอีในน้ำมันมะพร้าวจะทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น ป้องกันรอยหมองคล้ำ ตามปกติผิวหนังจะสูญเสียความชุ่มชื้น เพราะถูกแดดและลม
น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติเป็นสารรักษาความชุ่มชื้น รักษาอาการผิวแห้ง แตก ลอก เป็นขุย ลดอาการผื่นแพ้ แสบคันตามผิวหนัง จึงช่วยให้ผิวนวลเนียน อีกทั้งช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด สามารถใช้น้ำมันมะพร้าวทาแก้ผิวไหม้แดด อาการแสบร้อนจะบรรเทาลง
เป็นสารให้ความชุ่มชื่นตามธรรมชาติ นำสำลีชุบน้ำอุ่นแล้วบีบน้ำออก หยดน้ำมันมะพร้าว 2-3หยดลงบนสำลีทาให้ทั่วใบหน้าสามารถทิ้งไว้ได้เลยโดยไม่ต้องล้างออกจะช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มไม่แห้งกร้าน รุ้สึกว่าผิวหน้าละเอียดขึ้น หน้าเนียนขึ้น รอยด่างดำจากสิวจางลงมากอย่างไม่น่าเชื่อ ใช้ทาหน้าบางๆก่อนนอนแทนครีมบำรุงผิว แนะนำว่าต้องเป็นน้ำมันมะพร้าวแบบสกัดเย็น เพราะน้ำมันมะพร้าวที่ผ่านความร้อนจะทำให้วิตามินอีสลายไปไม่เหมือนการสกัดเย็น ที่ยังได้คุณค่าของน้ำมันมะพร้าวครบ
นอกจากจะใช้ทาบำรุงผิวหน้าแล้ว ผิวกายก็ต้องใช้ร่วมด้วย เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อย ปวดข้อต่างๆ ใช้ เป็นประจำทุกวัน อุดมด้วยวิตามิน E ช่วยปกป้องรังสี UV
- น้ำมันมะพร้าวกลั้วปากขจัดเชื้อโรคในลำคอ
ใช้น้ำมันมะพร้าวแทนน้ำยาบ้วนปากหรือ Oil Pulling (การกำจัดแบคทีเรียในช่องปาก) กลั้วไปทั่วปากให้น้ำมันซอกซอนไปตาม ร่องฟัน ดื่มน้ำเสร็จแล้วให้อมน้ำมันมะพร้าวไว้ในปาก 2 ช้อนโต๊ะโดยประมาณให้น้ำมันกลั้วอยู่ในปากผ่านร่องฟันไปมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า15นาทีแล้วให้บ้วนทิ้ง บ้วนปากด้วยน้ำ 2-3 ครั้ง การอมกลั้วน้ำมันนี้เพื่อขจัดเชื้อโรคในปากและคอ น้ำมันบางส่วนจะเข้าไปในร่างกาย เพื่อล้างสิ่งสกปรกและออกทางระบบขับถ่าย ลดกลิ่นปาก ลมหายใจสดชื่น
- น้ำมันมะพร้าวมีความสามารถในการเสริมภูมิคุ้มกัน
น้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริกสูงมาก ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกันกับกรดไขมันที่มีในนมแม่ เมื่อบริโภคเข้าไปกรดลอริกจะเปลี่ยนเป็นโมโนลอรินที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีสต์ ไวรัส หรือโปรโตซัว นอกจากฆ่าเชื้อโรคได้หลายชนิดแล้ว ยังช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดอันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจเป็นอาหารให้แก่เซลล์ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตับอ่อนในการสร้างอินซูลินจึงดีต่อผู้เป็นเบาหวาน แถมยังปลอดภัยต่ออนุมูลอิสระและไขมันทรานส์จึงช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ไม่ให้เกิดเป็นเซลล์มะเร็งและช่วยกดการเจริญเติบโตของเนื้องอก เมื่อสุขภาพกายพร้อมสุขเพศก็พร้อมเช่นกัน
- น้ำมันมะพร้าวเช็ดเครื่องสำอาง สะอาดหมดจด
ใช้น้ำมันมะพร้าวหยดบนสำลีพอประมาณแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้า สามารถใช้เช็ดรอบดวงตา พวก eye shadow อาย ไลน์เนอร์ มาสคาร่า หมดเกลี้ยง และริมฝีปาก สำหรับผู้ที่แต่งหน้าสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวเช็ดทำความสะอาดได้ 2รอบ เพื่อความสะอาดอย่างหมดจด เมื่อเช็ดด้วยน้ำมันมะพร้าวทั่วทั้งใบหน้าแล้วให้ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีจึงล้างออกด้วยสบู่ หลังจากนั้นซับหน้าให้แห้ง
น้ำมันมะพร้าวซึ่งมีโมเลกุลขนาดเล็กสามารถแทรกซึมทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยลดการเกิดสิว ฝ้า และการสะสมของสารเคมีจากเครื่องสำอาง ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ทำให้รูขุมขนกระชับ เต่งตึง ผิวหน้าเนียนใส และช่วยขจัดสิ่งอุดตันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว อย่างได้ผล คราบเครื่องสำอางจะหลุดออกหมด โดยเฉพาะรอบดวงตา จะทำให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มและละเอียดขึ้น ขนตายาวขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : ชีวจิต, Women’s Health, www.greenshopcafe.com