ฝรั่ง ผลไม้รักษาโรค (Guava) เพื่อผิวพรรณที่ดี
ฝรั่ง ผลไม้รักษาโรค (apple guava)
ฝรั่ง (apple guava) เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลางและหมู่เกาะอินดีสต์ตะวันตก คนไทยที่อยู่ต่างถิ่นกัน อาจเรียกผลไม้นี้ว่า จุ่มโป มะแกว มะกา มะมั่น มะปุ่น มะก้วย หรือ สีดา ผู้เขียนขอตั้งข้อสังเกตว่า คนฝรั่งอเมริกากินคงไม่ค่อยชอบกินผลฝรั่งกันนัก เพราะสมัยเมื่อผู้เขียนเรียนอยู่ในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 30 กว่าปีมาแล้ว ไม่เคยเห็นมีผลฝรั่งขายในห้างสรรพสินค้าในเมืองที่ไปเรียนหรือเคยไปเที่ยว อีกทั้งไม่เคยเห็นผลฝรั่งอยู่บนโต๊ะอาหารในภาพยนตร์ตะวันตกเรื่องใด
มีผู้สันนิษฐานว่า ฝรั่งโปรตุเกสเป็นคนนำผลไม้ชนิดนี้เข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 และอาจจะเป็นไปได้ว่าคนไทยเรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า “ฝรั่ง” เนื่องจากฝรั่งเป็นผู้นำเข้ามาปลุกในบ้านเรา โดยปัจจุบันนี้คนไทยนิยมกินฝรั่งสายพันธุ์ไร้เมล็ด กิมจูเวียดนาม แป้นสีทอง กลมสาลี่ เป็นต้น
สำหรับผู้สนใจดูแลสุขภาพนั้น ฝรั่งเป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะอุดมไปด้วยใยอาหารโดยเฉพาะเพคติน ช่วยทำให้อิ่มนาน ขับถ่ายอุจจาระสะดวก ซึ่งเป็นการลดช่วงเวลาของสารพิษที่อาจตกค้างในทางเดินอาหาร จึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งทางเดินอาหารส่วนล่าง
ฝรั่งดิบที่ยังไม่ถึงเวลาสอยนั้นมีรสฝาดสมาน จึงลดอาการถ่ายท้องได้ดี แต่เมื่อใกล้สุกซึ่งผิวของผลเปลี่ยนเป็นเขียวอ่อนออกขาวนั้น เนื้อฝรั่งมีรสหวานพอประมาณ เพราะมีน้ำตาลประมาณร้อยละ 9 คุณลักษณะดังนี้ ทำให้ฝรั่งเป็นผลไม้ที่เหมาะในการช่วยปรับระดับการใช้อินซูลินของร่างกายให้เหมาะสม
มีผู้ทำการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของผลไม้พบว่า ฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด จัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงกว่าส้มทั่วไปประมาณ 5 เท่า จึงควรช่วยให้ผิวพรรณและเหงือกผู้กินฝรั่งอยู่ในสภาพดี เนื่องจากวิตามินซีสำคัญมากในการสร้างคอลลาเจน
ดังนั้น ผู้เข้าประกวดความงามซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องยิ้มค้าง ควรสนใจกินฝรั่งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มีเหงือกที่สวยงาม การที่ฝรั่งมีวิตามินซีสูงน่าจะช่วยให้นักเรียนและนักศึกษาที่คร่ำเคร่งในการศึกษาตำราก่อนสอบ ตลอดจนผู้ที่ต้องทำกิจกรรมในสภาพอากาศที่แปรปรวนของไทยมีภูมิต้านทานโรคดี ลดความเสี่ยงต่อการเป็นหวัด โดยทั่วไปแล้วฝรั่งที่สุกกำลังดีมักมีผิวสีเขียวออกเหลือง รสหวานกรอบ แต่ถ้าสุกเกินไปเนื้อจะนิ่มขึ้น ซึ่งเหมาะแก่ผู้สูงอายุที่มีฟันไม่แข็งแรง ในบ้านเรานั้นนอกจากการกินฝรั่งเป็นผลไม้แล้ว ฝรั่งยังถูกแปรรูปเป็นของกินอย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง เช่น ฝรั่งดอก แยมฝรั่ง หรือฝรั่งหยี มีฝรั่งชนิดหนึ่งซึ่งแตกต่างจากพันธุ์ที่คนไทยนิยมกันคือ ฝรั่งขี้นก (Wikipedia ใช้คำว่า Thai maroon guava หรือ red apple guava) ฝรั่งชนิดนี้คนไทยไม่ค่อยนิยมนัก เพราะมีเนื้อค่อนข้างเละ และไม่กรอบเหมือนฝรั่งสายพันธุ์อื่นๆ อย่างไรก็ดีมีผู้ทำการวิจัยพบว่า ฝรั่งขี้นก ซึ่งมีเนื้อสีชมพูนี้ มีสารไลโคปีนสูง ซึ่งน่าจะช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งโดยรวมได้ และที่น่าสนใจ คือ ฝรั่งขี้นกเป็นผลไม้ที่ชาวตะวันตกทั่วไปรู้จักและกินกัน โดยกินเนื้อหรือทำเป็นน้ำฝรั่งสีชมพูแดงสวยดี
สมัยเด็กผู้เขียนเป็นคนไม่ชอบกินฝรั่ง เพราะรู้สึกว่าเป็นผลไม้ที่มีเนื้อสีขาวรสชาติไม่น่าติดใจ แต่พอโตขึ้นได้มีโอกาสกินฝรั่งดอง ก็ค่อยมีความรู้สึกว่าฝรั่งที่ถูกดองแล้วอร่อยดี แต่เมื่อเรียนรู้วิชาด้านโภชนาการจึงทราบว่า ฝรั่งนั้นควรกินเมื่อยังไม่ถูกดอง เพราะการดองทำให้วิตามินซีในฝรั่งสูญเสียไป ในการกินฝรั่งนั้นไม่ควรปอกเปลือก ทั้งนี้เพื่อคงคุณค่าของสารอาหารโดยเฉพาะวิตามินซี ซึ่งมีผู้วิเคราะห์ว่ามีอยู่มากที่เปลือก และไม่ควรกินมากเกินไป เพราะบางคนอาจท้องอืดได้ ที่สำคัญ คือ ไม่ควรจิ้มพริกกะเกลือผสมน้ำตาลมากนัก เพราะอาจทำให้คุมน้ำหนักลำบาก
ข้อดีของการกินฝรั่งใกล้สุก ซึ่งเนื้อยังกรอบอยู่หลังมื้ออาหารคือ ใยอาหารของฝรั่งน่าจะช่วยทำความสะอาดปากและลดกิล่นของอาหารที่ค้างตามซอกฟันได้บ้าง โดยเฉพาะกรณีที่ท่านไม่มีโอกาสแปรงฟันหรือบ้วนปากหลังกินข้าวกล่องบนรถทัวร์
ขอบคุณข้อมูลจาก:http://health.haijai.com/4247/