ดูแลมือ และเล็บอย่างไร เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
ไม่ใช่แค่ผิวหน้าเราเท่านั้นที่บอกอายุ มือและเล็บ ก็เป็นตัวฟ้องบ่งบอกอายุที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน หากเราไม่ดูแลให้ดี ๆ ปล่อยให้ผิวมือและเล็บหมองคล้ำดำกร้าน จะทำให้ดูแก่กว่าวัยได้อีกด้วย วันนี้มีวิธีดูแลมือและเล็บให้ดูดีเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นมาบอกกันค่ะ
ผิวมือบอบบางกว่าผิวหน้า เพราะไม่มีชั้นไขมันรองรับ จะสังเกตได้ว่ามักจะมองเห็นเส้นเลือดใต้ผิวชัดเจน แต่บางคนอาจเกิดจากผิวแห้งเป็นทุนเดิม และยังสัมผัสพื้นผิวหยาบขรุขระบ่อย ๆ ทำให้ผิวอ่อนนุ่มแปรสภาพเป็นหยาบกร้าน อาการมือสากอาจเกิดกับคนผิวแพ้ง่ายที่มักเป็นขุย ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นจนแห้งแตก
มาดูแลมือให้นุ่มน่าสัมผัสกันค่ะ
- อย่าล้างมือบ่อยเกินจำเป็น เพราะจะทำให้มือเสียความชุ่มชื้น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างมือสูตรที่ช่วยคืนความชุ่มชื้น สบู่หยาบ ๆ จะทำให้ผิวแห้ง เกิดอาการระคายเคือง และผิวร่วงโรยก่อนวัยได้
- ทาโลชั่นทุกครั้งหลังล้างมือ ควรทาขณะที่ผิวยังชื้นอยู่ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื่น
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำเวลาจะออกนอกบ้าน ถ้าหาได้ ควรสวมถุงมือผ้าฝ้ายกันไว้อีกชั้นขณะขับรถ
- สครับขัดผิวมือเป็นประจำทุกสัปดาห์ ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป
- ทาโลชั่น หรือครีมทามือบ่อย ๆ ใช้วาสลีนหรือปิโตรเลียมเจลลี่แทนก็ได้
เล็บฉีก เล็บเปราะหักง่าย เกิดจากอะไร??
ร่างกายขาดสารอาหารประเภทวิตามิน โปรตีน และธาตุเหล็ก นอกจากนั้น อาจเกิดจากสารบางอย่างในผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ทำให้เล็บไม่แข็งแรง เปราะบาง อาการเล็บเปราะหักง่าย สามารถแก้ไขได้โดยกินอาหารที่อุดมด้วย
- แคลเซียม อย่างปลาเล็กปลาน้อย ธัญพืชไม่ขัดขาว ถั่วเปลือกแข็ง และกะหล่ำสีเขียว ถ้าได้รับแคลเซียมที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ช่วยให้เล็บแข็งแรงขึ้น
- วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิว และเสริมภูมิต้านทานได้อย่างดี มีในปลาที่มีไขมันมาก ถั่วฝัก แครอท
- ธาตุเหล็ก สำคัญต่อโครงสร้าง และการทำงานของเยื่อบุผิว หากขาดธาตุเหล็ก อาจทำให้เล็บเปราะบาง อาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ธัญพืชไม่ขัดขาว ถั่วต่าง ๆ สาหร่ายทะเล
- วิตามิน H หรือ ไบโอติน (Biotin) ได้แก่ ปลาเนื้อขาว น้ำมันปลา ข้าวกล้อง ข้าวโพด รำข้าวสาลี ผักต่าง ๆ โดยเฉพาะดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี เห็ด แครอท ไบโอตินช่วยเสริมสุขภาพเส้นผม และเล็บให้แข็งแรง
มาดูแลเล็บให้แข็งแรงดูสุขภาพดีกันค่ะ
- ล้างมือ และเล็บด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ ใช้แปรงสีฟันนุ่มๆ ขัดตามซอกเล็บเบา ๆ ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ชโลมครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้น
- ตัดแต่งเล็บให้โค้งมนไปตามนิ้วมือ ไม่ควรตัดสั้นชิดเนื้อมากเกินไป และไม่ควรใช้อะไรก็ตามงัดขอบเล็บ จมูกเล็บ เพราะอาจเกิดบาดแผล และอักเสบได้
- ตัดเล็บหลังจากอาบน้ำ หรือล้างจาน เล็บจะอ่อนนุ่ม ตัดแต่งง่าย หรือแช่น้ำอุ่นสัก 5 นาทีก่อนตัด
- ตะไบเล็บไปในทิศทางเดียว ไม่ควรถูกลับไปกลับมา เพราะจะทำใหเล็บเป็นเสี้ยนคม หรือฉีก ควรตะไบจากขอบเล็บเข้าหาปลายล็บเสมอ
- เลือกสีทาเล็บที่มีคุณภาพ และถนอมเล็บ เลี่ยงผลิตภัณฑ์ทาเล็บชนิดแห้งเร็ว ที่มีส่วนผสมของอะซิโทน เพราะดึงความชุ่มชื้นไปจากเล็บ
- ใช้น้ำยาเคลือบเล็บชนิดใสทาก่อนลงสี ช่วยไม่ให้เล็บเสียความชุ่มชื้น และลดการสัมผัสกับสีทาเล็บโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เล็บเหลืองง่าย หลังจากนั้น เคลือบทับด้วยน้ำยาชนิดใสอีกครั้ง ช่วยให้สีติดทนยิ่งขึ้น
- อย่าเปลี่ยนสีเล็บบ่อย เกินกว่าสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพราะทำให้ต้องล้างเล็บมากขึ้น และน้ำยาล้างเล็บจะกัดหน้าเล็บให้กร่อนเป็นหลุม หรือขุย
- ควรมีเวลาให้เล็บว่างเว้น จากการทาสี เพื่อให้พักได้พักฟื้นคืนสภาพ และยังเป็นโอกาสให้ได้สังเกตความผิดปกติต่าง ๆ
