สุขภาพกับน้ำดื่ม
ความสำคัญของน้ำ
น้ำ เป็นส่วนประกอบหลักของร่างกายเรา ทำหน้าที่รักษาระบบต่าง ๆ และช่วยให้อวัยวะสำคัญของร่างกายอย่างไตและสมองทำงานสมบูรณ์ เซลล์ในต่างการเราก็ประกอบไปด้วยน้ำ หากขาดน้ำ เซลล์ตาย ร่างกายก็ตายไปด้วย หากอยากมีสุขภาพดีสวยจากภายในสู่ภายนอกแล้วการกินอาหารอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องหันมาดื่มน้ำให้ถูกเพื่อร่างกายจะได้ทำงานเป็นระบบอย่างสมบูรณ์ วันนี้แอดมินจะมาบอกเกร็ดความรู้ วิธีดื่มน้ำอย่างเหมาะสม ดื่มอย่างไร ปริมาณเท่าไร เวลาไหนไม่ควรดื่ม มาดูกันเลยจ้า
เทคนิคการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ
1. ปริมาณน้ำที่ต้องดื่มต่อวันคือ 2-3 ลิตร
(ได้จากน้ำดื่ม 1.0-1.5 ลิตร จากอาหาร เช่น ข้าว ผัก ผลไม้ 1.0-1.5 ลิตร) จึงจะมีปริมาณพอเพียงต่อร่างกาย อากาศร้อนจัด ปริมาณน้ำที่ดื่มต้องเพิ่มจำนวนขึ้น คนมีอายุสูงขึ้น กลไกการกระหายน้ำเสื่อมลง ความรู้สึกกระหายน้ำลดลง ก็ควรสนใจการดื่มน้ำให้เพียงพอ
2. กินผัก ผลไม้ให้มาก
เพราะในผักและผลไม้อุดมด้วยวิตามิน เกลือแร่ และมีส่วนประกอบของน้ำมากกว่าร้อยละ 90 (ผักมีส่วนประกอบของน้ำร้อยละ 95 ผลไม้มีส่วนประกอบของน้ำร้อยละ 90) ดังนั้น กินผักผลไม้ 500 กรัม เท่ากับดื่มน้ำ 400 ซีซี
3. การดื่มเครื่องดื่มดับกระหาย
ต้องคำนึงถึงผลกระทบระยะยาวด้วย เครื่องดื่มทั่วไปมักใช้ดื่มเพื่อดับกระหาย จะสังเกตพบว่ายิ่งดื่มยิ่งกระหาย ถ้าเป็นเครื่องดื่มที่มีปริมาณไขมันและมีแคลอรีสูง การดื่มปริมาณมาก บ่อยๆ จะเกิดโทษ เช่น ทำให้เป็นเบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง เกิดพิษสะสมในร่างกายได้
4. ถ้ามีการเสียน้ำมาก หรือกระหายน้ำมาก
ควรใช้เกลือผสมเล็กน้อย เพื่อทำให้ช่วยดับกระหาย แต่ไม่ควรดื่มจำนวนมากเกินไป
5. ไม่ควรดื่มเบียร์ หรือกินน้ำแข็งเพื่อดับกระหาย
เพราะจะทำให้เป็นอันตรายต่อระบบการย่อยอาหารในระยะยาว ร่างกายจะอ่อนแอ มีความ เย็นในร่างกายตกค้าง มีของเสียตกค้าง พลังของร่างกายจะอ่อนแอลง
6. ไม่ควรดื่มน้ำเย็น หรือดื่มน้ำปริมาณมากหลังกินอาหาร
เพราะจะไปเจือจางความเข้มข้นของน้ำย่อย ทำให้การย่อยอาหารไม่ดี ทำให้เป็นโรคกระเพาะได้
7. ไม่ปล่อยให้กระหายน้ำเต็ม ที่แล้วค่อยมาดื่มน้ำ
เช่นเดียวกับปล่อยให้ดินแห้งแตกระแหงแล้วค่อยมารดน้ำซึ่งจะสายเกินแก้ จะทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ การที่มีอาการกระหายน้ำแล้ว แสดงว่าร่างกายมีภาวะขาดน้ำ ถ้ากระหายน้ำเต็มที่แสดงว่าขาดน้ำของ ร่างกาย หรือเซลล์รุนแรง ทำให้มีของเสีย สารพิษตกค้างอยู่มาก ไม่สามารถระบายขับทิ้งได้ (ขาดน้ำไปละลายหรือนำพาสารพิษ) ทำให้ระบบร่างกายอ่อนแอของเสียตกค้าง สะสม โดยทั่วไปควรได้น้ำ 2.5 ลิตรต่อวัน (ประมาณ 8 แก้ว)
8. ดื่มน้ำมากไปก็เป็นโทษ
มีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับการแนะนำ การดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ เช่น ดื่มครั้งเดียวปริมาณมากๆ ตอนตื่นนอน เพื่อขับล้างของเสียในร่างกาย ร่างกายคนเราเมื่อขาดน้ำ ปัสสาวะจะน้อย เมื่อน้ำเกินปัสสาวะ จะมาก โดยอาศัยการทำงานของไตเป็นตัวควบคุม คนปกติที่ไม่ขาดน้ำ ถ้าได้รับน้ำปริมาณมาก ทำให้ไตทำงานหนักขึ้น ทำให้เลือดเจือจาง แรงดันในการดูดซึมของสารอาหารสู่เซลล์น้อยลง ปริมาณน้ำในเซลล์มากขึ้น ทำให้เซลล์บวมน้ำ เกิดพิษต่อเซลล์ เกิดอาการเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ถ้าเซลล์บวมน้ำมากขึ้นจะมีอาการง่วงนอน กระตุก มองไม่ชัด หัวใจเต้นช้า หายใจช้า เป็นลม เป็นต้น ดังนั้น การดื่มน้ำจึงต้องพอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป การดื่มน้ำมากเกินเป็นเวลานาน จะทำให้เป็นผลเสียกับร่างกาย
9. ไม่ดื่มน้ำอย่างรวดเร็วจนเกินไป
บางคนพอกระหายน้ำ ก็รีบดื่มน้ำให้หมดทันทีทันใด การดื่มเช่นนี้จะมีผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ ทำให้หัวใจอ่อนแรงในระยะยาว เพราะปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็วทำให้ไตควบคุมการขับน้ำไม่ได้ทันทีทันใด ก็จะมีปริมาณน้ำในหลอดเลือดมากแล้วก็ไปเพิ่มภาระการสูบฉีดของหัวใจ
เป็นยังไงกันบ้างคะ เห็นประโยชน์ของการดื่มน้ำแบบนี้แล้ว คงต้องลองหันมาดื่มน้ำบ่อยๆ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำให้เหมาะสมด้วยนะคะ หากใครอยากมีสุขภาพที่ดี สามารถเริ่มต้นง่ายๆด้วยตัวคุณเอง อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย วันละ 8 แก้ว เพื่อสุขภาพที่ดีด้วยนะคะ