fbpx skip to Main Content
Before - After เสริมคาง

ผ่าตัดเสริมคาง (Chin augmentation)

ตำแหน่งเสริมซิลิโคนคางที่ถูกต้อง

เป็นการผ่าตัดเสริมคาง โดยการใช้ซิลิโคน เพื่อปรับเปลี่ยนรูปหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง


 ปัญหาใบหน้ากลม คางสั้น เป็นปัญหาสำคัญที่มีผลต่อความมั่นใจ บุคลิกภาพของหลาย ๆ ท่าน ปัจจุบันการเสริมคางที่ได้รับความนิยมมีทั้งการผ่าตัดเสริมคางโดยใช้ซิลิโคนและการฉีดสารเติมเต็ม (Filler) แต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ปัญหาส่วนใหญ่ของการฉีดสารเติมเต็ม (Filler) นั้นมักจะสลายไม่หมด ติดเป็นพังผืดที่เนื้อเยื่อของร่างกาย ในบางรายทำให้คางบุ๋ม การผ่าตัดเสริมคางโดยใช้ซิลิโคนนั้นไม่ได้อันตรายและเจ็บอย่างที่หลาย ๆ ท่านรู้สึก ด้วยเทคนิคการผ่าตัดที่ทันสมัยทำให้การผ่าตัดเสริมคางในปัจจุบันนั้นแผลเล็ก หายเร็ว ไม่ได้อักเสบหรือช้ำอย่างที่หลาย ๆ ท่านกังวล

เสริมคางช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?

  • ช่วยทำให้หน้าเรียว
  • ช่วยทำให้รูปหน้ามีมิติมากขึ้น
  • แก้ไขปัญหาคางสั้น
  • แก้ไขปัญหาคางบุ๋ม

ข้อดีของการผ่าตัดเสริมคางโดยการใช้ซิลิโคน

  • ผลลัพท์ถาวร
  • เป็นการผ่าตัดในช่องปาก
  • ไม่มีแผลเป็นภายนอก
  • หายเร็ว

แผลในกับแผลนอก อะไรดีกว่ากัน ?

 

เสริมคางแผลใน

  • ข้อดี : ไม่มีแผลเป็นภายนอก
  • ข้อเสีย : มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าแผลภายนอก แต่ถ้าดูแลรักษาความสะอาดในช่องปากได้ดีก็ไม่มีปัญหาในจุดนี้

เสริมคางภายนอก

เสริมคางแผลนอก

เสริมคางแผลนอก

  • ข้อดี โอกาสติดเชื้อน้อยกว่าแผลในปาก
  • ข้อเสีย มีแผลเป็นภายนอกยาวประมาณ 3 ซม.
    • หากคนไข้มีปัญหาแผลเป็นนูน(keloid) ก็มีโอกาสเกิดหลังจากผ่าตัด ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนผ่าตัด

ทำอย่างไรให้ซิลิโคนไม่เบี้ยว ???

แก้ไขคางเบี้ยว

คางเบี้ยวแก้ยังไง

ปัญหาที่อาจพบได้จากการเสริมคางด้วยซิลิโคน คือ ซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่ง ทำให้คางเบี้ยว ซึ่งปัญหานี้จะเกิดน้อยเมื่อผ่าตัดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีประสบการณ์ โดยปกติแล้วเทคนิคการ FIX ซิลิโคนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมมีดังนี้

ป้องกันซิลิโคนเบี้ยว

ทำอย่างไรไม่ให้ซิลิโคนเบี้ยว

  1. วางซิลิโคนเอาไว้เฉย ๆ รอให้มีพังผืดมารัดซิลิโคน ซึ่งเทคนิคนี้มีโอกาสทำให้ซิลิโคนผิดตำแหน่งมากที่สุด
  2. เย็บซิลิโคนให้ติดกับเนื้อเยื่อข้างเคียง วิธีนี้ทำให้ซิลิโคนอยู่กับที่แต่ก็ยังมีโอกาสที่ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่งอยู่
  3. ใช้สกรูยึดซิลิโคนกับกระดูก วิธีนี้ป้องกันปัญหาซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่งได้ดีที่สุดเกือบ 100%

เสริมคางโดยใช้สกรู

เสริมคางโดยใช้สกรู


ขั้นตอนการผ่าตัด

  1. บ้วนน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนรับการผ่าตัด
  2. นอนพักในห้องผ่าตัด เพื่อตรวจวัดความดันโลหิต ชีพจรก่อนรับการผ่าตัด
  3. ฉีดยาชาบริเวณที่จะทำการผ่าตัด
  4. ผ่าตัดเสริมคางโดยใช้ซิลิโคน และเย็บแผลด้วยไหมละลาย (ไม่ต้องตัดไหม) ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 40 นาที
  5. นอนพักที่ห้องพักฟื้นและประคบน้ำแข็งบริเวณที่ทำการผ่าตัด และนอนสังเกตอาการประมาณ 30 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ หลังการผ่าตัด

 ข้อห้ามสำหรับการผ่าตัดเสริมคาง

  • โรคลมชัก
  • โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคเลือด
  • สตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร

 ความเสี่ยงของการผ่าตัดเสริมคาง

  • ความเสี่ยงในการเลือดออก บวม ช้ำ หลังการผ่าตัด
  • ความเสี่ยงของการติดเชื้อที่แผลหลังการผ่าตัด

ความเสี่ยงนี้จะลดลงเหลือน้อยมาก หากรับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และดูแลตนเองทั้งก่อนและหลังรับการผ่าตัดเป็นอย่างดี


เตรียมตัวก่อนเสริมคาง ทำอย่างไร ?

ก่อนเสริมคางเตรียมตัวอย่างไร

วิธีเตรียมตัวก่อนเสริมคาง


 การดูแลตนเองภายหลังการผ่าตัดเสริมคาง

วิธีดูแลตนเองหลังเสริมคางไม่ให้บวมช้ำ

วิธีดูแลตนเองหลังเสริมคาง

  • สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ ยกเว้น อาหารเผ็ด อาหารร้อน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงสัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด
  • บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากหรือน้ำสะอาดทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร เพื่อป้องกันเศษอาหารติดที่ไหมเย็บแผล
  • ประคบเย็นบริเวณที่ทำการผ่าตัด ในช่วง 2 วันแรกหลังการผ่าตัด
  • เริ่มประคบอุ่นบริเวณที่ทำการผ่าตัด ในวันที่ 3 หลังการผ่าตัด
  • รับประทานยาที่ได้รับให้ครบตามที่แพทย์สั่ง
Back To Top